วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เข้าสู่เส้นทางการเป็นแว๊นต์..สก๊อยซ์


แก๊งมอเตอร์ไซค์กวนเมืองที่นัดรวมตัวกัน “บิด” เพื่อความเมามันบนท้องถนน จนเป็นที่รำคาญของผู้คนเกิดมานานแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้ เพราะวัยรุ่นเหล่านี้มีความว่องไวในการหลบหนี จนคนระดับเสนาบดีต้องยอมยกธงขาวมาแล้ว วัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เคยดำริให้มีการจัดสนามแข่งให้พวกเขา และเธอเหล่านี้ได้ระบายออก
นักซิ่งมอเตอร์ไซค์จอมป่วน ผู้ทำหน้าที่นักบิด จะเรียกตัวเองว่า “เด็กแว้น” หรือบ้างก็เรียกว่า “เด็กแซป” คำว่า แว้น ล้อมาจากเสียงแผดของ ท่อไอเสียมอเตอร์ไซค์ที่บิดออกมา แว้นๆ แต่ละครั้ง ขณะที่ สาวน้อยหน้าแฉล้ม ที่นั่งซ้อนท้าย เธอคือ “สก๊อย”
คำว่า “เด็กแซป” มาจาก แซปคุง ส่วน “สก๊อย” มาจาก สก๊อยจัง ซึ่งเป็นตัวละครในหนังสือการ์ตูน ญี่ปุ่น ที่ออกแบบขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 7 ปีมอนสเตอร์คลับ โดยทั้งสองเป็นคู่ขาตุนาหงันกัน
เด็กๆ เหล่านี้จะมีบุคลิกลักษณะเฉพาะ โดย เด็กแว้น จะต้องใส่ “กางเกงรัดขาลีบๆ และสวมเสื้อยืดสีดำ” ไว้ผมทรง “ปั๊บ โปเตโต้” แบบ เซอร์สุดๆ (ทรงหัวยุ่งๆ นั่นแหละ)
ขณะที่ สก๊อย จะใส่เสื้อยืดรัดติ้ว หรือไม่ก็ สายเดี่ยว เกาะอก เห็นสัดส่วนกันจะจะ กางเกงขาสั้นเอวต่ำ แบบไม่เกรงใจพ่อแม่ ที่สำคัญ “ต้องโชว์ขอบกางเกงในด้วยนะจ๊ะ” ส่วนใบหน้าเธอสังเกตง่ายๆ จะทา “หน้าขาววอก ปากแดงแจ๋” โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะใส่รองเท้าแตะแบบนิ้วคีบเท่านั้น
แก๊งมอเตอร์ไซค์ซิ่ง เหล่านี้ จะยึดพื้นถนนที่โล่งตามสี่แยกในตัวเมืองและนอกเมืองในยามค่ำคืน ที่ปลอดตำรวจ วนเวียนไปเรื่อยๆ แล้วแต่สถานการณ์ หากย่านใดถูกตำรวจไล่จับก็จะหนีไปที่อื่นๆ อาทิ ถนนบางขุนเทียน-บางบอน ถนนวงแหวนช่วงตลิ่งชัน-บางบัวทอง ถนนพุทธมณฑลสาย 2, 4 ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงแยกสุทธิสารถึงแยกลาดพร้าว ถนนบางพลี-บางโฉลง ตัดออกไปทางบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้ ก็ยังมีบริเวณถนนรอบเมืองและรอยต่อปริมณฑล เช่น ถนนสุขสวัสดิ์ ช่วงหน้าวัดสนเขตราษฎร์บูรณะจนถึงแยกพระประแดง ถนนราชพฤกษ์ เส้นด่านต่างระดับจรัญสนิทวงศ์ 13 ถึงด่านตากสินเพชรเกษม ลานพระบรมรูปทรงม้า แยกกองทัพภาคที่ 1 หน้าสวนอัมพร ถนนอู่ทองใน ด้านหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ถนนศรีนครินทร์ จากแยกศรีอุดมถึงถนนเทพารักษ์ ใน จ.นนทบุรี ก็จะซิ่งกันบน ถนนรัตนาธิเบศร์ ตัดกับ ถนนกาญจนาภิเษก ฯลฯ
วัยรุ่นเหล่านี้เขาต้องการอะไร?
นัท หนึ่งในผู้หลงใหลเสียงแว้นๆ เล่าว่า วัยรุ่นขี่รถซิ่งกวนเมือง นับร้อยๆ คัน ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มที่กลับมาจากเที่ยวกลางคืน หลังผับเลิก และนัดกันขี่รถมอเตอร์ไซค์เที่ยวต่อ เมื่อไปเจอกลุ่มรถซิ่งอีกกลุ่มก็ค่อยๆ รวมตัวเข้าด้วยกัน แล้วก็แห่ขับตามกันไป จากกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 10-20 คัน ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วขับกันไปกันยังจุดที่เป็น “ทำเล” เหมาะๆ เช่น สี่แยกใหญ่ๆ หรือถนนเส้นที่เป็นเส้นตรงทั้งกว้างและยาว
หากไม่มีสนามอย่างที่ว่า ก็จะขับโฉบไปรอบๆ เมือง บิดคันเร่งส่งเสียงดัง หรือไม่ก็ โชว์ลีลากวนประสาท เช่น ยกล้อ ขับด้วยการนอนราบไปกับเบาะ หรือขับรถปาดหน้ารถคันอื่นเพื่อกวน บางคนก็ต้องการซิ่งโชว์ลีลาสก๊อยที่นั่งซ้อนท้ายแต่ละคัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านหรือไปรวมตัวกันที่ ไหนต่อ
“พวกเราชอบซิ่งรถโฉบไปโฉบมาเพื่อเอามันส์อย่างเดียว ไม่ได้แข่งซิ่งจริงๆ จังๆ อะไร เพราะหลังผับเลิกก็ไม่รู้จะไปไหนก็เลยแห่กันไปซิ่งรถเล่น ยิ่งพอได้เห็นกลุ่มอื่นๆ ที่ขี่ซิ่งกันมาด้วยเยอะๆ ก็เข้าไปร่วมด้วย วิ่งเกาะกันเป็นกลุ่ม เป็นการเฮตามกันไปเท่านั้น แต่พอเจอตำรวจคราวนี้ก็ตัวใครตัวมัน” นัทว่า‘แดร็กไบค์’ การพนันแลกเงิน/สก๊อย
อีกก๊วนไม่ซิ่งเปล่า แต่ท้าทายกันด้วยการแข่งขัน โดยจะจับคู่กันวัดให้เกมไปเลย เอ๋ นักซิ่งวัยโจ๋ เล่าว่าตอนนี้เทรนด์ความนิยมแข่งรถซิ่งของเด็กวัยรุ่น จะนิยม “แดร็กไบค์” (Drag Bike) เป็นการแข่งรถเป็นคู่ หรือ 2 คัน เพื่อวัดว่าใครเร็วกว่ากัน
“เราวัดระยะทางกันที่ 402 เมตร ทางตรงอย่างเดียว โดยเฉลี่ยใช้เวลาไม่เกิน 10 วินาทีเท่านั้น สนนวงเงินเดิมพันนับหมื่นบาท และเด็กส่วนใหญ่ที่ไปแข่งจะไปกันเป็นกลุ่มกลุ่มละ 10 กว่าคน ซึ่งแต่ละกลุ่มไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่เป็นที่รู้กันในกลุ่มว่า เวลานี้ และถนนเส้นนี้มีการแข่งรถซิ่ง โดยเฉพาะคืนที่มีคู่เดิมพันสูงๆ ก็จะมีรถซิ่งจำนวนมากมาร่วมเชียร์
“บางคนไม่แข่งพนันกินตังค์ แต่พนันด้วยรถที่ใช้แข่งนั่นแหละ แต่ก็มีบ้างบางคนเดิมพันสก๊อย ที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาด้วย ในช่วงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ การแข่งซิ่งจะเยอะมาก เพราะแต่ละคนอยากจะนำรถมาอวดโชว์ ซิ่งโชว์กัน”
เอ๋ บอกว่า เขาชอบแข่งแดร็กไบค์ ในคืนวันเสาร์ และอาทิตย์ เพราะจะมีวัยรุ่นมาร่วมเชียร์ นับร้อยคัน ถ้าคืนไหนมีคู่ “บิ๊กแมตช์” เช่น เด็กกรุงเทพฯ กระเป๋าหนัก แข่งกับ เด็กนครนายก หรือ เด็กปทุมธานี คนก็จะเยอะ เพราะเเป็นการแข่งเพื่อวัดศักดิ์ศรีกันระหว่างเด็กเมืองและต่างจังหวัด
ก่อนลงสู่สนาม ทั้งสองฝ่ายจะมอบเงินพนันที่ตกลงกันไว้ให้กับคนกลางเป็นผู้ถือเก็บไว้ และรออยู่ตรงจุดเส้นชัย แต่ถ้าเดิมพันด้วยรถแข่ง ก็จะจับมือสัญญากันว่า ถ้าใครแพ้จะต้องยกรถคันนี้ให้กับคนชนะไป
ปฏิบัติหักหลังและความตาย
คืนไหนมีการพนันสูงๆ คืนนั้นก็จะมีเรื่อง “หักหลัง” กันเองเสมอ ทำให้เดี๋ยวนี้วัยรุ่นหลายกลุ่มที่มาแข่งขันต่างไม่ไว้ใจกัน หลายคนเริ่มพกปืนมาด้วย หากเกิดเหตุเบี้ยวกัน ไม่ว่าเบี้ยวเงินหรือไม่ยอมยกรถให้ฝ่ายชนะ ก็จะเกิดเหตุไล่ยิงกัน
ไม่จบแค่นั้น หลังเกมโอเวอร์ในแต่ละคืนแล้ว เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่มาเชียร์หรือมาดูเพื่อนตัวเองแข่ง ก็จะลอง Test รถของตัวเองด้วย เช่น ลองเครื่องที่ยกมาใหม่ และทดลองเสียงท่อสูตรที่เพิ่งไปแต่งมา
“กฎเหล็ก” ของกลุ่มคือ ไม่ว่าจะเมามันขนาดไหน หากเจอตำรวจ...ตัวใครตัวมัน เพราะถ้าตำรวจจับได้จะถูกยึดรถ และหากต้องการรถคืนก็ต้องนำอุปกรณ์รถของเดิมมาใส่ให้ครบ จากนั้นจึงจะนำรถออกจากสถานีตำรวจได้ เด็กแว้นจึงหนีตำรวจไม่คิดชีวิต จนหลายครั้งเกิดเฉี่ยวชนคนและรถคันอื่นล้มกันระเนระนาด
เวลาไปขี่รถซิ่งกันเป็นกลุ่มใหญ่จริงๆ ก็ไม่ได้รู้จักกันเลย เมื่อเวลาเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์เกี่ยวล้มกันเอง รถใครล้มบาดเจ็บเพื่อนในกลุ่มเดียวกันจะมาช่วยกันเอง ไม่มีใครสนใจใคร ถือว่าคนนั้นซวยไป เพราะถ้าเข้าไปช่วยจะมีปัญหาตามมาภายหลังเวลานำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ตำรวจก็จะมาสอบถามว่าไปทำอะไรมา
ถ้าร้ายสุดๆ นั่นคือ “ความตาย” ซึ่งทุกคันที่ตัดสินใจออกมาสู่ถนนซิ่งแล้ว...ล้วนต้องเดิมพันด้วยซีวิต แต่ “ความตาย” หรือบาดเจ็บขนาดไหน....แต่ละคนต่างไม่เข็ดหลาบหรือคิดวางมือ
‘ฮอนด้า-ยามาฮ่า’ ยอดโจรกรรมพุ่ง
หลุ่ง เจ้าของร้าน Modify ธุรกิจแต่งรถ และจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถซิ่งแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ปัญหาการแข่งรถซิ่งบนท้องถนนมีมานานแล้ว และฮิตกันจนมีการขโมยรถมอเตอร์ไซค์กันจำนวนมาก เพราะผู้ที่คลั่งไคล้พาหนะกระดูกหุ้มเหล็ก ต่างก็อยากครอบครองรถคันงามๆ
รถที่มักจะถูกขโมยบ่อยๆ มี 2 แบบคือ แบบเกียร์อัตโนมัติ จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นคลิก และยามาฮ่า รุ่นมีโอ ส่วนรถเกียร์ธรรมดา จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค เพราะเป็นรุ่นที่หาอุปกรณ์แต่งง่าย จึงเป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่วัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะขโมยรถเพื่อนำไปแข่ง หาเงินเดิมพัน หรือบางรายหาเงินเดิมพันเป็นตัวเงินไม่ได้ ก็จะใช้รถเป็นสิ่งเดิมพัน เพราะถ้าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับระหว่างแข่งรถ จะปล่อยให้รถถูกยึดไป หรือถ้าแพ้ก็ไม่เสียเงิน แต่ถ้าชนะก็จะได้รถคันใหม่ไปขายนำเงินมาใช้นี้คือ ช่องทางการหารายได้
เด็กวัยรุ่นที่แต่งรถซิ่งส่วนใหญ่จะขอเงินพ่อแม่มาซื้ออุปกรณ์ตกแต่งรถ แต่ก็มีบ้างบางรายที่ไปขโมยรถมาเพื่อนำไปแข่ง หรือบางรายได้เงินมาแต่งรถจากเงินชนะพนัน ลองคิดดูแต่งรถแข่งให้แจ่มๆ ต้องใช้เงินหลายหมื่นบาท แค่ราคารถก็คันละ 5 หมื่นกว่าบาทแล้ว ถามว่าถ้าพ่อแม่ไม่ให้ตังค์เด็ก แล้วเด็กจะเอาเงินมาจากไหน
เปิดสนามซิ่งเป็นทางออก
คงเดช มีชำนะ ผู้อำนวยการนิตยสาร Maximum Speed และผู้จัดการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ กล่าวว่า ปัญหาเด็กแว้น ต้องยอมรับว่ามี 2 กลุ่มคือ กลุ่มเด็กแว้นซิ่งมอเตอร์ไซค์ป่วนเมือง ต้องการโชว์ผู้หญิง และ โชว์เพื่อน ในกลุ่ม จนสร้างความวุ่นวายให้กับสังคม และอีกกลุ่มคือ เด็กที่ต้องการแข่งรถจริงๆ เพราะเด็กกลุ่มนี้ไม่มีสนามให้ “ลองของ” เพราะปัจจุบับเทคโนโลยีได้ก้าวหน้าไปอย่างมากในการแต่งรถ ให้เร็วและแรง
คงเดช กล่าวว่า ถ้าภาครัฐและเอกชนเปิดกว้างสนับสนุนให้เด็กวัยรุ่นที่ต้องการแข่งรถซิ่งจริงๆ ได้มีสนามแข่งขัน เพราะมีความปลอดภัย ตั้งแต่ก่อนแข่งขันมีการตรวจเช็กสภาพรถถึงความพร้อม การเตรียมรถพยาบาล รถดับเพลิงหากเกิดอุบัติเหตุ ชุดแข่งขันที่ได้มาตรฐานป้องกันการบาดเจ็บ และ วิ่ง 2 แดร็ก คือทางตรงทางเดียว ซึ่งปลอดภัย ที่สำคัญสามารถกำหนดอายุและควบคุมเด็กผู้เข้าร่วมแข่งขันได้
ปัญหาเด็กแว้นต้องแยกให้ดี เพราะเด็กบางกลุ่มอยากแข่งรถจริงๆ แต่ไม่มีสนามให้ลอง แม้มีสนามก็อยู่ไกล ควรเปิดกว้างให้มีสนามให้เด็กได้ใช้มากๆ เช่น Taxi Way ในสนามบินก็ได้ เมื่อมีสนามให้เด็กพวกนี้ได้เล่นก็จะช่วยลดปัญหาเด็กแว้นได้มาก
พีระ จึงพีระพานิช เจ้าของสนามแข่งรถ Bangkok Drag Avenue กล่าวว่า เมื่อก่อนมีปัญหาปิดถนนแข่งรถซิ่งจำนวนมาก แต่เมื่อมีสนามแข่งรถแห่งนี้ทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดลง ซึ่งลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท มีเนื้อที่ 50 ไร่ ตั้งอยู่ตรงบริเวณคลอง 5 เส้นทางไป จ.ปทุมธานี เป็นสนามที่ใช้รองรับการแข่งมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ ที่เรียกว่า “แดร็กไบค์” ลักษณะการแข่งจะแข่งกันเป็นคู่ คือ มีลู่ทดลองความเร็วให้รถมอเตอร์ไซค์วิ่งได้ 2 คัน ในระยะทาง 402 เมตร และกว้าง 20 เมตร แต่ความยาวทั้งลู่นับรวมระยะเบรกด้วยยาว 800 เมตร เป็นระยะที่ได้มาตรฐานสากลจากสหรัฐ คิดค่าใช้บริการคือ รถมอเตอร์ไซค์คันละ 100 บาท
เหตุผลที่ใช้การวัดความเร็วด้วยระยะทาง 402 เมตร เพราะเป็นช่วงที่เครื่องยนต์ขับเคลื่อนได้พีกที่สุด และยังเป็นระยะทางความยาว 1 ใน 4 ของไมล์ หรือ 1.6 กิโลเมตร และเป็นระยะทางที่นิยมใช้ทดสอบความเร็วที่เรียกว่า Racing Way กันมาก ‘ลูกตำรวจ-ผู้มีอิทธิพล’ ตัวแสบ
พล.ต.ต.เกษียร วรศิริ ผบก.วจ. กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนการแข่งขันรถซิ่งในที่สาธารณะมาจากความสามารถในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ความพร้อมด้านอุปกรณ์การปรับแต่งรถ มีร้านรับซ่อม ดัดแปลง หรือจำหน่ายอุปกรณ์ รวมถึงมีเซียนพนันคอยส่งเสริมให้มีการแข่งขันด้วย ในขณะที่ตำรวจท้องที่ต่างๆ ที่มีหน้าที่ปราบปรามเห็นว่า เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ลงแข่งเพราะความสนุกสนาน คึกคะนอง ความมัน ท้าทาย รู้สึกสะใจที่ได้ขับรถแข่งเร็วๆ ซึ่งแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาจะหวังใช้การปราบปรามของตำรวจฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะบางครั้งตำรวจอาจต้องใช้วิธีการรุนแรง เช่น การวางกำลังและเครื่องกีดขวางปิดหัวปิดท้ายถนน เพื่อกวาดจับนักซิ่งแต่ผลที่ได้รับคือการถูกร้องเรียน
“ผู้ต้องหาที่จับได้บางส่วนเป็นลูกหลานตำรวจ หรือเป็นผู้มีอิทธิพลที่มีเส้นสายด้วย” พล.ต.ต.เกษียร กล่าว
สำหรับการแข่งรถซิ่งในทางสาธารณะ มีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 130 ประกอบ มาตรา 160 ทวิ นำส่งพนักงานสอบสวน (พงส.) ดำเนินคดีจนถึงชั้นศาล ผลการพิจารณาส่วนใหญ่ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลย จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2 พัน-1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นไม่น้อยกว่า 1 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
สำหรับการลงโทษพ่อแม่ผู้ปกครองในกรณีที่ลูกหลานขับรถซิ่ง ข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26 (3) และ มาตรา 38 ระบุไว้ว่า ผู้ปกครองหรือใครก็ตามที่มีหน้าที่ดูแลเด็กจะไม่สามารถให้ท้ายหรือปล่อยปละละเลยให้เด็กไปทำผิดกฎหมายได้อีกต่อไป มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คุณหมอแนะพ่อแม่มองแง่บวก
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พ่อแม่ควรจะมองเด็กๆ เหล่านี้อย่างเข้าใจพฤติกรรมของเด็กว่าทำไมถึงมีพฤติกรรมและสนใจการขี่รถซิ่ง หรือให้คิดในแง่บวกก่อนว่าเด็กอาจจะสนใจการขับขี่รถซิ่งเพราะสนใจเรื่องเครื่องยนต์ และชอบแข่งขัน ไม่ควรไปบังคับกดดันให้เด็กต้องเลิกพฤติกรรม แต่ควรจะร่วมกันหาทางออกอย่างเข้าใจ
“อาจจะเป็นเพราะว่าเด็กแว้นมีทางเลือกน้อย ไม่มีพื้นที่แสดงออก เพราะบางคนชอบเครื่องยนต์กลไก จึงไปสนใจขี่รถซิ่ง บางคนต้องการโชว์สาวจึงชอบขี่รถซิ่ง บางคนชอบกีฬา Extreme จึงไปซิ่งรถกวนเมือง ดังนั้นการใช้วิธีปราบอย่างเดียวไม่มีทางได้ผล ควรจะเปิดพื้นที่ให้เด็ก เพราะเด็กยังเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์อยู่ ความคิดความอ่านอาจจะหุนหันพลันแล่นไปบ้าง แต่สิ่งสำคัญต้องมองและคิดในแง่บวกไว้ก่อน

1 ความคิดเห็น: